แม้โลกของเราจะมีความก้าวหน้าหรือความทันสมัยเกิดขึ้นมามากมายเพียงใด แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนแต่ละประเทศเองก็ยังไม่ได้มีความเท่าเทียมกันอย่างที่หลายคนมองนัก ด้วยความที่ปัจจัยต่างๆ รอบด้านอันเกิดขึ้นมากมายที่ทำให้แต่ละประเทศมีความเจริญเติบโตไม่เท่ากัน เราจึงมักได้ยินคำพูดที่ว่าประเทศไหนพัฒนาเป็นมหาอำนาจของโลก ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา ประเทศไหนเป็นประเทศด้อยพัฒนา เพราะการแบ่งประเภทของแต่ละประเทศแบบนี้จะทำให้เรารู้ว่าความเป็นอยู่ของคนแต่ละประเทศเป็นอย่างไร เมื่อพูดถึงความเป็นอยู่มันก็ต้องดูไปจนถึงผู้นำของแต่ละประเทศว่ามีการวางนโยบายให้ประเทศอย่างไรเพื่อให้เกิดการเดินหน้าต่อไปได้
ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศมหาอำนาจ
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของประเทศมหาอำนาจกันก่อน จริงๆ แล้วคำว่าประเทศมหาอำนาจของโลกก็คือประเทศที่มีการพัฒนาไปแล้วจนประชากรส่วนใหญ่ของประเทศสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ มีการบริหารจากรัฐบาลและผู้นำประเทศที่มีประสิทธิภาพ สามารถเป็นหัวเรือใหญ่ในการทำเรื่องต่างๆ ของโลกใบนี้ได้ เป็นผู้นำในการสร้างสิ่งต่างๆ ให้กับโลกใบนี้ ซึ่งถ้าจะว่ากันจริงๆ ประเทศมหาอำนาจของโลกในปัจจุบันก็มีไม่กี่ประเทศซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่โด่งดังทั้งสิ้น อาทิ สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, เยอรมัน, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, อิตาลี, จีน, สเปน, แคนาดา, เกาหลีใต้ และอาจรวมไปถึงรัสเซียด้วย
ความคิดเห็นของคนทั่วไปถึงบรรดาผู้นำประเทศมหาอำนาจ
จริงๆ แล้วมันก็แบ่งออกได้เป็น 2 ความคิดเห็นหลักๆ ก็คือความคิดเห็นที่สนับสนุนต่อนโยบายของผู้นำในบางประเทศ กับความเห็นทีต่อต้านกับนโยบายของผู้นำในบางประเทศเช่นเดียวกัน โดยเริ่มต้นกันที่การให้การสนับสนุนส่วนมากก็จะเป็นเรื่องที่คนทั่วไปมองว่านโยบายดังกล่าวเป็นผลดีกับประเทศของตนเองรวมถึงเป็นผลประโยชน์ของโลกที่จะช่วยเหลือประเทศเล็กๆ บางประเทศให้สามารถลืมตาอ้าปากกันขึ้นมาได้ ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เห็นด้วยในบางนโยบายก็แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับความเห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่อาจไม่เห็นด้วยเพราะส่งผลกระทบต่างๆ ต่อโลกมากมาย หรืออาจส่งผลกระทบต่อบางประเทศที่ไม่เป็นผลดีอย่างมาก เป็นต้น
จริงๆ แล้วนโยบายของผู้นำแต่ละประเทศเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่จะทำให้เกิดเป็นความคิดเห็นต่อผู้นำประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นว่าสมควรเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน เพราะผู้นำแต่ละคนก็ย่อมมีวิสัยทัศน์ มีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ข้อสรุปเหล่านี้จึงมักจะกลายเป็นที่ถกเถียงกันอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับความเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อนโยบายของผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลก